
ไม่ทำตามสัญญา! วิลเลี่ยน โชเซ่ หัวหอก เรอัล โซเซียดาด บอกเอง ตอนปี 2020 ตนถึงขั้นเคยเป็นที่สนใจของทั้ง บาร์เซโลน่า และ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่สุดท้ายต้นสังกัดกลับไม่ยอมปล่อยตนทั้งที่เคยบอกว่าพร้อมจะให้เขาได้ไปอยู่กับทีมใหญ่ๆ พร้อมบอกว่าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตอนนั้น โซเซียดาด ถึงไม่ยอมทำเงินจากการขายตน แต่ในซีซั่นล่าสุดกลับปล่อยตนไปเล่นกับ วูล์ฟส์ แบบยืมตัว
วิลเลี่ยน โชเซ่ กองหน้าชาวบราซิเลียนของ เรอัล โซเซียดาด สโมสรในศึก ลา ลีกา สเปน เปิดเผยว่าที่จริง บาร์เซโลน่า และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยยื่นข้อเสนอที่จะซื้อตนไปร่วมทัพเมื่อปี 2020 แต่ผู้บริหารของ โซเซียดาด กลับไม่ยอมปล่อยตนตามที่เคยสัญญากันเอาไว้
โชเซ่ ถือเป็นกำลังหลักในการทำประตูของ โซเซียดาด ในช่วงหลายซีซั่นก่อน ซึ่งมันก็ทำให้เขาตกเป็นที่สนใจของหลายทีมดังด้วย แต่สุดท้ายแข้งวัย 29 ปีก็ไม่ได้ย้ายไปไหน โดยถึงแม้เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาจะได้มาอยู่กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส แต่มันก็เป็นในสัญญายืมตัวเท่านั้น และตอนนี้เขาก็ต้องกลับไปอยู่กับ โซเซียดาด แล้ว
ดาวเตะเลือดแซมบ้าเผยว่า “ผมคิดว่าพวกเขาปฏิบัติกับผมได้ไม่ดีพอ ผมคาดหวังว่าจะได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่านี้นิดหน่อย ตอนที่ผมต่อสัญญากับทีมน่ะผมได้คุยกับ โรเบร์โต้ โอลาเบ้ เกี่ยวกับเรื่องที่ว่ามันมีบางทีมที่ให้ความสนใจในตัวผมทั้งจาก พรีเมียร์ลีก และ จาก ลา ลีกา ด้วยกัน ผมได้คุยกับ โรเบร์โต้ และเขาก็บอกกับผมว่าถ้ามีทีมใหญ่ที่ได้เล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ขอซื้อผมแล้วล่ะก็ พวกเขาก็จะยอมปล่อยผม ซึ่งมันก็ทำให้ตอนนั้นผมรู้สึกใจเย็นได้”
“หลังจากนั้นก็มี บาร์เซโลน่า กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ยื่นข้อเสนอขอซื้อผม ผมมองว่ามันเป็นโอกาสทองที่ผมไม่สามารถปล่อยให้หลุดมือได้ เพราะชีวิตคนเรามันเป็นแบบนั้น ถ้ามีโอกาสแล้วน่ะคุณก็ต้องคว้ามันเอาไว้ให้ได้ และผมมองว่านี่เป็นโอกาสดีมากๆ แต่สุดท้ายหลายอย่างมันไม่เป็นไปด้วยดี และพวกเขาก็ปล่อยผมไปอยู่กับ วูล์ฟส์ ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมช่วงไม่กี่เดือนก่อนพวกเขาถึงไม่ยอมปล่อยผมด้วยค่าตัว 23 ล้านยูโร แต่กลับเพิ่งมาปล่อยผม (แบบยืมตัว) ในตอนนี้ บางครั้งฟุตบอลมันก็เข้าใจได้ยากล่ะนะ”